คู่สกุลเงินในตลาด Forex: ประเภทและความสำคัญ

คู่สกุลเงินในตลาด Forex คืออะไร?

ในตลาด Forex การซื้อขายสกุลเงินจะทำเป็นคู่ โดยคุณจะซื้อสกุลเงินหนึ่งในขณะที่ขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมกัน คู่สกุลเงินเขียนในรูปแบบ XXX/YYY เช่น EUR/USD ซึ่งหมายถึงยูโร (EUR) เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)

• สกุลเงินฐาน (Base Currency) - สกุลเงินแรกในคู่ (เช่น EUR ใน EUR/USD)
• สกุลเงินตาม (Quote Currency) - สกุลเงินที่สองในคู่ (เช่น USD ใน EUR/USD)

อัตราแลกเปลี่ยนแสดงมูลค่าของสกุลเงินฐานในหน่วยของสกุลเงินตาม เช่น ถ้า EUR/USD = 1.1000 หมายความว่า 1 ยูโร มีค่าเท่ากับ 1.1000 ดอลลาร์สหรัฐ

ประเภทของคู่สกุลเงินในตลาด Forex

คู่สกุลเงินในตลาด Forex แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก:

1. คู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs)

คู่สกุลเงินหลักเป็นคู่สกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุดในตลาด Forex โดยหนึ่งในสกุลเงินจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ (USD) คู่สกุลเงินหลักมีสภาพคล่องสูงและมีสเปรดต่ำ ทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักเทรด

คู่สกุลเงินหลัก 7 คู่:

• EUR/USD - ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ
• USD/JPY - ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น
• GBP/USD - ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์สหรัฐ
• USD/CHF - ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส
• USD/CAD - ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา
• AUD/USD - ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ
• NZD/USD - ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ

2. คู่สกุลเงินรอง (Minor Pairs หรือ Cross Pairs)

คู่สกุลเงินรองเป็นคู่สกุลเงินที่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ (USD) แต่ประกอบด้วยสกุลเงินหลักอื่นๆ เช่น ยูโร (EUR) ปอนด์สเตอร์ลิง (GBP) หรือเยนญี่ปุ่น (JPY) คู่สกุลเงินรองมีสภาพคล่องน้อยกว่าและสเปรดกว้างกว่าคู่สกุลเงินหลัก

ตัวอย่างคู่สกุลเงินรอง:

• EUR/GBP - ยูโร/ปอนด์สเตอร์ลิง
• EUR/JPY - ยูโร/เยนญี่ปุ่น
• GBP/JPY - ปอนด์สเตอร์ลิง/เยนญี่ปุ่น
• EUR/CHF - ยูโร/ฟรังก์สวิส
• GBP/AUD - ปอนด์สเตอร์ลิง/ดอลลาร์ออสเตรเลีย

3. คู่สกุลเงินแปลก (Exotic Pairs)

คู่สกุลเงินแปลกประกอบด้วยสกุลเงินหลัก (มักเป็น USD) คู่กับสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนาหรือเศรษฐกิจเล็กๆ คู่สกุลเงินแปลกมักมีสภาพคล่องต่ำ สเปรดกว้าง และมีความผันผวนสูง

ตัวอย่างคู่สกุลเงินแปลก:

• USD/THB - ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย
• USD/ZAR - ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้
• USD/MXN - ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโก
• USD/TRY - ดอลลาร์สหรัฐ/ลีราตุรกี
• USD/SGD - ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์

4. คู่สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Pairs)

คู่สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์เป็นคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับประเทศที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงินเหล่านี้มักมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์

ตัวอย่างคู่สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์:

• AUD/USD - ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ (มีความสัมพันธ์กับราคาทองและสินแร่)
• USD/CAD - ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา (มีความสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน)
• NZD/USD - ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ (มีความสัมพันธ์กับราคาผลิตภัณฑ์การเกษตร)

ลักษณะเฉพาะของคู่สกุลเงินแต่ละประเภท

สภาพคล่องและสเปรด

สภาพคล่องและสเปรดเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคู่สกุลเงินที่จะเทรด:

ความสัมพันธ์กับปัจจัยทางเศรษฐกิจ

คู่สกุลเงินแต่ละประเภทได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน:

• Major Pairs: ได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ
• Minor Pairs: ได้รับอิทธิพลจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
• Exotic Pairs: ได้รับอิทธิพลจากเสถียรภาพทางการเมือง สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ
• Commodity Pairs: ได้รับอิทธิพลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรดคู่สกุลเงินแต่ละประเภท

การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเทรดคู่สกุลเงินแต่ละประเภทสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร:

• คู่สกุลเงินยุโรป (EUR, GBP, CHF): ช่วงเซสชั่นยุโรป (14:00-23:00 น. ตามเวลาไทย)
• คู่สกุลเงินสหรัฐ (USD): ช่วงเซสชั่นอเมริกา (20:00-05:00 น. ตามเวลาไทย)
• คู่สกุลเงินเอเชีย (JPY, AUD, NZD): ช่วงเซสชั่นเอเชีย (05:00-14:00 น. ตามเวลาไทย)
• คู่สกุลเงินแปลก: ควรเทรดในช่วงที่ตลาดในประเทศนั้นๆ เปิดทำการ

กลยุทธ์การเทรดสำหรับคู่สกุลเงินแต่ละประเภท

สำหรับคู่สกุลเงินหลัก (Major Pairs)

• เหมาะกับทั้งนักเทรดมือใหม่และมืออาชีพ
• เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping และ Day Trading เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและสเปรดแคบ
• ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากมาย

สำหรับคู่สกุลเงินรอง (Minor Pairs)

• เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการหลีกเลี่ยงอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐ
• เหมาะกับกลยุทธ์ Swing Trading และ Position Trading
• มักมีแนวโน้มชัดเจนมากกว่าคู่สกุลเงินหลักในบางช่วงเวลา

สำหรับคู่สกุลเงินแปลก (Exotic Pairs)

• เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีประสบการณ์
• ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศนั้นๆ
• ควรใช้การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดเนื่องจากมีความผันผวนสูง

สำหรับคู่สกุลเงินสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Pairs)

• ควรติดตามข่าวและแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
• เหมาะกับกลยุทธ์ที่อาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
• มักมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงิน (Currency Correlations)

ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สกุลเงินเป็นการวัดว่าคู่สกุลเงินสองคู่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหรือตรงกันข้ามกันมากน้อยเพียงใด

• ความสัมพันธ์เชิงบวก (+1.0): คู่สกุลเงินจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน (เช่น EUR/USD และ GBP/USD)
• ความสัมพันธ์เชิงลบ (-1.0): คู่สกุลเงินจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้าม (เช่น EUR/USD และ USD/CHF)
• ไม่มีความสัมพันธ์ (0.0): การเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินไม่มีความสัมพันธ์กัน

คำแนะนำสำหรับนักเทรดมือใหม่

สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นในตลาด Forex ควรพิจารณาคำแนะนำดังต่อไปนี้:

1. เริ่มต้นด้วยคู่สกุลเงินหลัก - คู่สกุลเงินหลักมีสภาพคล่องสูงและสเปรดแคบ ทำให้เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้และฝึกฝน
2. ศึกษาลักษณะเฉพาะของแต่ละคู่สกุลเงิน - แต่ละคู่สกุลเงินมีพฤติกรรมและลักษณะการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน
3. เลือกคู่สกุลเงินที่เข้าใจ - เลือกคู่สกุลเงินที่คุณเข้าใจปัจจัยพื้นฐานและมีความคุ้นเคย
4. จำกัดจำนวนคู่สกุลเงินที่เทรด - เริ่มต้นด้วยการเทรด 1-2 คู่สกุลเงินและค่อยๆ เพิ่มเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงคู่สกุลเงินแปลก - คู่สกุลเงินแปลกมีความผันผวนสูงและสเปรดกว้าง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่

บทสรุป

การเข้าใจประเภทและลักษณะเฉพาะของคู่สกุลเงินในตลาด Forex เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักเทรดทุกคน การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรด ระดับประสบการณ์ และช่วงเวลาที่สามารถเทรดได้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด

นักเทรดควรศึกษาพฤติกรรมและปัจจัยที่ส่งผลต่อคู่สกุลเงินที่สนใจอย่างลึกซึ้ง และพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมสำหรับคู่สกุลเงินเหล่านั้น นอกจากนี้ การติดตามข่าวสารและปัจจัยทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อคู่สกุลเงินที่เทรดก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน