Trump ชะลอขึ้นภาษียุโรป ขณะเอเชียเผชิญแรงสั่นสะเทือนเศรษฐกิจ
ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตกลงชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรป 50% ไปจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2025 หลังการเจรจากับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ตลาดโลกต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกชั่วคราว ท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนที่นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้สร้างไว้ โดยเฉพาะต่อเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งรวมถึงประเทศไทยที่ต้องเผชิญภาษีสูงถึง 37%
ไทยในสมรภูมิการค้าโลก: อยู่ตรงกลางพายุ
ขณะที่ยุโรปได้ช่วงเวลาเจรจาต่อรอง 90 วัน ไทยกลับต้องแบกรับภาษีการค้าฉบับ "Liberation Day" ที่ทรัมป์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 โดยคำนวณจากดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ:
- กัมพูชา: 49% (สูงที่สุดในโลก)
- เวียดนาม: 46%
- ไทย: 37%
- อินโดนีเซีย: 32%
- มาเลเซีย: 24%
ผลกระทบต่อไทยรุนแรงและตรงจุดที่สุดกับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมส่งออก โดยเฉพาะข้าว อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และสิ่งทอ ซึ่งต่างเผชิญความยากลำบากในการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ
รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร พยายามแก้เกมด้วยการเปิดเจรจาเพื่อเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง และพลังงาน พร้อมทั้งลดภาษีข้าวโพดจาก 73% เหลือ 0% — ข้อเสนอที่จุดกระแสต้านจากเกษตรกรไทยอย่างรุนแรง
จีนฉวยโอกาส: สานสัมพันธ์ลึกกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่อเมริกาลุยภาษี จีนกลับเปิดแผนยุทธศาสตร์ "สายสัมพันธ์ทางเลือก" ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา เมื่อ 14-18 เมษายน 2025 พร้อมข้อเสนอเปิดตลาด ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภายใต้แผน Belt and Road Initiative
ภายในเวลาเดียวกัน จีนสามารถบรรลุข้อตกลงลดภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ลงจาก 145% เหลือ 30% ภายในกรอบ 90 วัน นี่คือสัญญาณว่าถึงแม้จะขึงขังเพียงใด ฝั่งวอชิงตันก็เริ่มรับรู้ว่าการกีดกันมากเกินไปอาจย้อนศรใส่ตัวเอง
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม: แสงสว่างกลางพายุเศรษฐกิจไทย
ในห้วงเวลาที่ความไม่แน่นอนแผ่ปกคลุม เศรษฐกิจไทยได้รับข่าวดีจากการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์: Google ประกาศทุ่ม 1 พันล้านดอลลาร์ ตั้ง Data Center แห่งแรกในชลบุรี โดยคาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ GDP ถึง 1.4 แสนล้านบาทภายในปี 2029
อีกด้านหนึ่ง บมจ.ไทยยูเนี่ยน ได้รับ "Blue Loan" วงเงิน 150 ล้านดอลลาร์ จาก ADB เพื่อลงทุนในการเพาะเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน — ถือเป็นครั้งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่ความท้าทายยังคงอยู่ รายงานของ UNICEF ระบุว่า มลพิษทางอากาศในเอเชียแปซิฟิกคร่าชีวิตเด็กกว่า 100 คนต่อวัน โดยกรุงเทพฯ เผชิญการปิดโรงเรียนหลายครั้งเนื่องจากคุณภาพอากาศต่ำ
ความผันผวนทางการเมืองในเอเชีย: ดาบสองคม
วิกฤตการเมืองในเกาหลีใต้ และความไม่แน่นอนของญี่ปุ่น หลังพรรค LDP เสียเสียงข้างมาก สะท้อนถึงความเปราะบางของมหาอำนาจในเอเชียตะวันออก แม้อาจมีโอกาสดึงฐานการผลิตเข้ามาในไทย แต่การลงทุนโดยรวมในภูมิภาคก็เผชิญแรงฉุดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ยุโรป: เงาสะท้อนจากอีกฟากโลก
แม้ยุโรปจะได้รับช่วงเวลาผ่อนผัน แต่ยังต้องเจรจาภายใต้แรงกดดันสูง EU เสนอข้อตกลง "Zero-for-Zero" แลกการยกเลิกภาษีสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมด ขณะเดียวกัน เตรียมมาตรการตอบโต้มูลค่า €95 พันล้าน
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงทันทีเมื่อทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี โดย DAX ของเยอรมนีร่วง 2.4% และ CAC ของฝรั่งเศสลง 2.2% สะท้อนความไม่แน่นอนที่ลามไปทั่วโลก
ทางรอดของไทยในโลกใหม่ที่แตกแยก
ท่ามกลางโลกที่แตกแยกเป็นหลายขั้ว ไทยไม่มีทางเลือกนอกจากต้อง "ทรงตัวบนเส้นลวด" อย่างชาญฉลาด
การเจรจากับทั้งจีนและสหรัฐฯ ต้องทำควบคู่ การกระจายตลาดส่งออก การลงทุนในเทคโนโลยี และการเสริมภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจภายในคือคำตอบ
ในฐานะประเทศที่มีจุดแข็งด้านสมดุล ไทยต้องใช้โอกาสนี้สร้างรากฐานใหม่ — ไม่ใช่แค่เพื่อเอาตัวรอด แต่เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกหลังยุคเสรีนิยมทางการค้า
สรุป
ดีลภาษีสหรัฐฯ–ยุโรปที่มีกำหนดตัดสินในวันที่ 9 กรกฎาคม เป็นเพียงหมุดหมายเล็ก ๆ ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเศรษฐกิจโลก
สำหรับไทย ความท้าทายคือการอยู่รอดในสมรภูมิที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่โอกาสก็กำลังเผยตัวผ่านการลงทุนดิจิทัล การเงินยั่งยืน และการเปิดตัวเองต่อความร่วมมือรูปแบบใหม่
หากจัดการอย่างชาญฉลาด เราอาจไม่เพียงแค่รอดจากคลื่นเทคโนโลยีและชาตินิยมทางการค้า — แต่กลายเป็นผู้ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเอง